บัตรเครดิต ซิตี้ ลาซาด้า

บัตรเครดิต ซิตี้ ลาซาด้า

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

‘บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม’ ชูคอนเซ็ปต์ ‘เติมเงินง่าย-ได้เงินคืน’

 


บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม เติมเงินง่าย-ได้เงินคืน


ครั้งแรกของผู้นำ 2 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่าง บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บัตรแรบบิท) ผู้นำสมาร์ทการ์ดหนึ่งเดียวในไทย ที่ใช้ได้ทั้งเดินทางและซื้อสินค้าได้ในบัตรเดียว จับมือกับ บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ผู้นำการให้บริการสินเชื่อรายย่อย มอบความสะดวกสบายให้ชีวิตคนเมืองง่ายขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการเปิดตัว ‘บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม’ (AEON Rabbit Platinum Card) บัตรเครดิตสำหรับชีวิตยุคดิจิทัล ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ชอบความสะดวก สบาย ง่าย รวดเร็วแบบไม่มีสะดุด

 

คุณไอรินทร์ อริยพงศ์สถิต ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม จำกัด (บัตรแรบบิท) กล่าวว่า “เรารู้สึกยินดีมากที่ได้ร่วมมือกับอิออน ในการออกบัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม ที่รวม 2 สิทธิพิเศษจากอิออนและแรบบิทไว้ในบัตรเดียว ให้ผู้ถือบัตรสนุกกับการใช้ชีวิตได้อย่างลื่นไหล ไม่สะดุดในคอนเซ็ปต์ ‘เติมเงินง่าย-ได้เงินคืน’ เพราะเมื่อทำการเปิดบัตรฯ ฟังก์ชั่น Auto Top-Up ของแรบบิทก็จะใช้งานได้ทันทีและยังได้รับเครดิตเงินคืน 5% จากเงินเติมเข้าแรบบิทอีกด้วย”

 

“ในส่วนของฟังก์ชั่นแรบบิท ที่มีอยู่ในบัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม นั้น ต้องบอกว่ามันพิเศษกว่าบัตรใบอื่นในตลาดขณะนี้ ผู้ถือบัตรไม่จำเป็นต้องใช้เงินสดในการเติมเงินเข้าแรบบิท เพราะฟังก์ชั่น Auto Top-Up จะทำการดึงวงเงินจากบัตรเครดิตมาเติมให้ เพื่อให้คุณสะดวกในการชำระค่าเดินทาง หรือชำระค่าสินค้า อาหาร หรือเครื่องดื่มต่างๆ”

 

“นอกจากนี้ยังได้รับเครดิตเงินคืน 3% เมื่อมียอดใช้จ่ายออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตตั้งแต่ 1,000 บาทขึ้นไปต่อ 1 ใบเสร็จ หรือ รับเครดิตเงินคืนหรือ Cash Back 1% เมื่อเติมเงินบัตร MRT ที่สถานีสายสีม่วง อีกด้วย”

 

คุณสามารถตรวจสอบสิทธิพิเศษ เงื่อนไข และรายละเอียดเพิ่มเติม ณ จุดขายและสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ผู้สนใจสามารถสมัครบัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม ได้ที่ >> https://bit.ly/388onq9 ติดตามความเคลื่อนไหวและกิจกรรมดีๆ ของบัตรแรบบิทได้ทาง >> https://www.facebook.com/RabbitCard

ยุคใหม่รูดปื๊ดบัตรเครดิตจ่ายใบสั่ง เริ่ม 27 พฤศจิกายนเป็นต้นไป




เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2563 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่องวิธีการและสถานที่ในการชำระค่าปรับ สำหรับความผิดตาม พ.ร.บ.จราจรทางบก มีผลบังคับใช้แล้ว 27 พฤศจิกายน 2563 ออกประกาศโดย พลตำรวจเอก สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ

สำหรับประกาศดังกล่าวเรียกว่า “ประกาศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง วิธีการและสถานที่ในการชำระค่าปรับตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2563”


มีการให้ยกเลิก


- ระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ว่าด้วยวิธีการชำระค่าปรับทางไปรษณีย์ลงทะเบียน และการส่งใบอนุญาตขับขี่คืนให้แก่ผู้ได้รับใบสั่ง พ.ศ. 2546


- ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง การชำระค่าปรับ การชำระค่าปรับทางไปรษณีย์ และวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิตหรือวิธีการอื่น โดยผ่านธนาคารหรือหน่วยบริการรับชำระเงิน และกำหนดจำนวนค่าปรับตามที่เปรียบเทียบสำหรับความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2559 ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การชำระค่าปรับ การชำระค่าปรับทางไปรษณีย์ และวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์บัตรเครดิตหรือวิธีการอื่น โดยผ่านธนาคารหรือหน่วยบริการรับชำระเงิน 


- ข้อกำหนดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เรื่อง สถานที่ในการชำระค่าปรับโดยวิธีการธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ บัตรเครดิต หรือวิธีการอื่น ตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522 พ.ศ. 2559

วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

นอนแบงก์ เปิดเกมสู้ ‘ออมสิน’ ชิงตลาด ‘จำนำทะเบียนรถ’ เดือด

 

สินเชื่อรถเเลกเงิน KTA

ธุรกิจสินเชื่อที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (จำนำทะเบียนรถ) กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน โดยตลาดนี้น่าจะมีขนาดราว 1-1.5 แสนล้านบาท

ซึ่งนอกจากกลุ่มผู้ให้บริการสินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารพาณิชย์ (น็อนแบงก์) แล้ว สถาบันการเงินหลายแห่งต่างกระโดดลงมาเล่นกันมากขึ้น

ล่าสุดก็มีธนาคารออมสินที่เป็นแบงก์รัฐ ประกาศร่วมลงทุนกับ “บริษัท เงินสดทันใจ จำกัด” ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ. ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น หรือ “SAWAD”

การผนึกกำลังของ 2 องค์กรดังกล่าว นอกจากความเชี่ยวชาญของ “ศรีสวัสดิ์” ที่มีเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยังมีเรื่องจำนวนสาขาที่หากผนวกเข้าด้วยกันแล้วจะมีสาขาเพิ่มขึ้นอีกมาก โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2563 “ศรีสวัสดิ์” มีสาขาทั้งสิ้น 4,660 สาขา ขณะที่ “ออมสิน” มีอยู่ 1,060 สาขาทั่วประเทศ

สินเชื่อรถเเลกเงิน TISCO

MTC พร้อมรบ เปิดศึกหั่นดอกเบี้ยสู้

“นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ” ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมืองไทย แคปปิตอล (MTC) บอกว่า บริษัทเตรียมปรับลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเป็นการทั่วไปลงมาอยู่ระดับ 18% ต่อปี คาดว่าจะมีผลภายในเดือน ธ.ค.นี้ โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ทยอยปรับดอกเบี้ยลงมาอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพื่อช่วยเหลือลูกค้า จากเดิมที่ดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 20% ต่อปี เป็น 19% ในปัจจุบัน

ทั้งนี้ การมีผู้เล่นอย่างธนาคารออมสินที่ร่วมทุนกับ SAWAD เข้ามา จะทำให้การแข่งขันในตลาดมีความเสรีมากขึ้น ซึ่ง MTC พร้อมแข่งขันในด้านดอกเบี้ย

“บริษัทปรับลดดอกเบี้ยลงมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น จึงไม่กังวลว่าจะไม่สามารถแข่งขันด้านราคาได้ โดยการลดดอกเบี้ย ต้องขึ้นอยู่กับการบริหารหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ว่าควบคุมได้หรือไม่ เพราะถ้ามัวแต่ลดดอกเบี้ย แต่หนี้เสียเยอะ ก็กระทบต่อรายได้และผลกำไร ซึ่งตอนนี้หนี้เสียเราค่อนข้างต่ำอยู่ที่ 1% ถ้าเทียบทั้งตลาดหนี้เสียอยู่ที่ 5% ดังนั้น เรายังคงแข่งขันได้แน่นอน”

สินเชื่อรถ SCB Refinance

ชิงตลาดเดือดกระทบรายย่อย

สำหรับในปี 2564 “นายชูชาติ” ประเมินว่าธุรกิจจำนำทะเบียนรถจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ระดับ 20-30% อย่างไรก็ดี MTC ยังเป็นผู้นำตลาด และมีความเชี่ยวชาญในธุรกิจนี้ โดยปัจจุบันส่วนแบ่งตลาด (มาร์เก็ตแชร์) ของบริษัทอยู่ที่ 40% เป็นอันดับ 1

สิ่งที่จะต้องจับตาในปีหน้าจากภาวะการแข่งขันที่จะดุเดือดขึ้น ก็คือ ผู้ประกอบการรายย่อยกลุ่มสินเชื่อพิโกไฟแนนซ์ที่คิดดอกเบี้ยสูง หากไม่สามารถควบคุมเอ็นพีแอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็จะเห็นการไหลออกของลูกค้ามาสู่บริษัทที่เสนอดอกเบี้ยที่ต่ำกว่ามากขึ้น สุดท้ายแล้วหากบริษัทเหล่านี้ไม่สามารถลดดอกเบี้ยลงมาแข่งได้ ก็จะล้มหายตายจากไป

“ต้องยอมรับว่า จำนำทะเบียนรถเป็นธุรกิจที่ให้ผลตอบแทน (มาร์จิ้น) ค่อนข้างดี หากมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ ทำให้ทุกคนหันมาเล่นตลาดนี้ ซึ่งในปีหน้าก็อาจจะเห็นการเปลี่ยนแปลงของตลาด เพราะผู้ประกอบการรายย่อยที่คิดดอกเบี้ยสูงจะลำบาก โดยเป้าหมายธุรกิจในปีหน้า MTC ตั้งเป้าสอดคล้องกับตลาดอยู่ที่ 20-25% หรือสินเชื่อปล่อยใหม่ 1.2 หมื่นล้านบาท จากปีนี้อยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท”

สินเชื่อรถยนต์ KTC พี่เบิ้ม

“เคทีซี” ชูปล่อยกู้ “ดีลิเวอรี่”

“นายวรพงศ วงษ์กะพันธ์” ผู้จัดการ-ธุรกิจสินเชื่อ “เคทีซี พี่เบิ้ม” บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ให้สัมภาษณ์ “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า บริษัทเพิ่งเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ โดยการตัดสินใจเข้ามาสู่ตลาดนี้จากเดิมที่บริษัททำแต่บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล (พีโลน) ก็เพราะเป็นตลาดที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ที่สำคัญ สินเชื่อประเภทนี้ยังมีเล่มทะเบียนรถเป็นหลักประกัน ส่งผลให้ความเสี่ยงน้อยกว่าพีโลนและบัตรกดเงินสดที่เป็น “คลีนโลน”

ทั้งนี้ หลังจากทดลองมาพักใหญ่ บริษัทก็เริ่มรุกสินเชื่อจำนำทะเบียนรถเต็มที่เมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา โดยมียอดอนุมัติประมาณ 100 ล้านบาทต่อเดือน ทั้งนี้ ในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้ต่อเนื่องไปจนถึงปี 2564 บริษัทจะเน้นการขยายธุรกิจ (scale up) โดยตั้งเป้าหมายขยายพอร์ตจำนำทะเบียนรถเป็น 1,000 ล้านบาทในปี 2564

สำหรับการร่วมทุนระหว่าง “ออมสิน” และ “ศรีสวัสดิ์” นั้น “นายวรพงศ์” บอกว่า ยังคิดว่าไม่น่าจะกระทบกับการกำหนดดอกเบี้ยในตลาดมากนัก เนื่องจากการคิดดอกเบี้ยและคุณภาพในการให้บริการสินเชื่อแต่ละบริษัทมีความใกล้เคียงกัน อย่างไรก็ดี “เคทีซี พี่เบิ้ม” จะไม่ลงไปแข่งขันในเรื่องอัตราดอกเบี้ย โดยจะคิดดอกเบี้ยที่ 21-24% ขึ้นอยู่กับข้อมูลรายได้และอาชีพของผู้ขอสินเชื่อเป็นสำคัญ

สินเชื่อรถเเลกเงิน TISCO

มั่นใจกลุ่มลูกค้าไม่ทับซ้อน

“เราคิดว่ากลุ่มลูกค้าที่โฟกัสจะไม่ทับซ้อนกัน โดยของทางออมสินน่าจะเน้นกลุ่มฐานราก ขณะที่เราจะเป็นกลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่ไม่ต้องจดทะเบียนการค้าก็สามารถกู้ได้”

ทั้งนี้ บริษัทจะใช้ดิจิทัลมาช่วยในการให้บริการ ในรูปแบบ “ดีลิเวอรี่” และความรวดเร็วอนุมัติสินเชื่อใน 2 ชั่วโมง เป็น “จุดขาย” หลัก โดยจะไม่ใช้กลยุทธ์การปูพรมขยายสาขา เนื่องจากมีต้นทุนที่ค่อนข้างสูง แต่จะมีการใช้ช่องทางสาขาธนาคารกรุงไทย (KTB) ในการรับสมัครขอกู้ ปัจจุบันเริ่มจากสาขาในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑลราว 20 สาขาแล้ว ซึ่งบริษัทจะอนุมัติวงเงินสูงสุดที่ 700,000 บาทขึ้นกับสภาพรถยนต์ด้วย ส่วนรถจักรยานยนต์ จะให้สินเชื่อเฉพาะรถที่ต่ำกว่า 400 ซีซี วงเงินสูงสุดไม่เกิน 100,000 บาท

“เรายังมีจุดเด่นที่รับเงินก้อนได้ทันทีในกรณีที่เอกสารครบ เช่น วงเงินอนุมัติ 700,000 บาท เราก็สามารถโอนให้ได้เลย 700,000 บาททันที หลังการอนุมัติ และในระยะข้างหน้าพยายามจะลดระยะเวลาอนุมัติให้ต่ำกว่า 2 ชั่วโมง”


“นายวรพงศ” กล่าวว่า บริษัทยังจับมือกับพันธมิตร อาทิ “ลาล่ามูฟ” ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าผ่านแอปพลิเคชั่น และแฟรนไชส์ “หมูทอดกอดคอ” ของบริษัท ฟู้ดแพชชั่น และจะขยายสู่พันธมิตรอื่นมากขึ้น เพื่อเป็นช่องทางขยายสินเชื่อในอนาคต

หวังว่าการแข่งขันที่มีมากขึ้น จะเป็นผลดีต่อประชาชนผู้กู้เงิน ที่จะสามารถเข้าถึงแหล่งเงินต้นทุนที่เหมาะสม เพื่อนำไปใช้ประกอบอาชีพได้ต่อไป

ที่มา >>https://www.prachachat.net/

ดีแทคเติมเงิน ยกขบวนมือถือแบรนด์ดังจัดเต็มโปรพิเศษ ‘ล็อกเลขเด็ดให้ราคาคุ้มสุด 3 ต่อ’

 ซิมเศรษฐี - SimSetthi

ดีแทคจัดแคมเปญ ล็อกเลขเด็ดให้คุ้ม 3 ต่อ สำหรับลูกค้าเติมเงินทุกค่าย พร้อมกระตุ้นกำลังซื้อ ช้อปดีมีคืน ให้สิทธิ์ในการซื้อมือถือ พร้อมแพ็กเกจใช้งานอินเทอร์เน็ตแบบไม่อั้น ไม่ลดความเร็ว 4 Mbps พร้อมโทรฟรีทุกเครือข่ายครั้งละ 15 นาที สามารถแบ่งจ่ายรายเดือนนานถึง 24 เดือน จ่ายเริ่มต้นเพียง 333 บาท ต่อเดือน ได้ราคาถูกสุดคุ้ม 3 ต่อ ต่อที่หนึ่งได้มือถือใหม่ ต่อที่สองได้ใช้อินเทอร์เน็ตไม่อั้น และต่อที่สามได้โทรไม่อั้น แบ่งจ่ายผ่านบัตรกดเงินสดที่ร่วมรายการ ซื้อได้ที่ร้านดีแทคที่ร่วมรายการ ตั้งแต่วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 – 31 มกราคม 2564

นางสุกัณณี เลิศสุขวิบูลย์ ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานการตลาดระบบเติมเงิน บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ดีแทคเติมเงิน เดินหน้าช่วยผู้ใช้บริการประหยัดค่าใช้จ่ายในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว เพื่อตอกย้ำภารกิจในความมุ่งมั่นของ ดีแทคเติมเงิน ที่เป็นมากกว่าแค่ซิมเติมเงิน และตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าเติมเงินในทุกด้าน

โดยครั้งนี้ดีแทคเข้าใจลูกค้าเติมเงินที่ส่วนใหญ่มักไม่มีบัตรเครดิต แต่เน้นไปที่การใช้บัตรกดเงินสดเป็นหลัก ก็สามารถร่วมแคมเปญการซื้อมือถือกับดีแทคได้ โดยได้ร่วมมือกับบัตรกดเงินสดจากธนาคารชั้นนำ เช่น บัตรกรุงไทย ธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารยูโอบี ธนาคารซิตี้แบงก์ และ ธนาคารกสิกรไทย จัดโปรโมชั่นสุดพิเศษนำมือถือแบรนด์ชั้นนำมาล็อกเลขเด็ดให้คุ้ม 3 ต่อ ให้ลูกค้าเติมเงินทุกค่าย ได้จ่ายเริ่มต้นเพียง 333 บาทต่อเดือน ก็ได้ทั้งมือถือใหม่ อินเทอร์เน็ตไม่อั้น โทรไม่อั้น อีกทั้งยังถือเป็นการร่วมสนับสนุนมาตรการช้อปดีมีคืนของรัฐบาล ด้วยการนำค่าซื้อสินค้ามาลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาตามจำนวนจ่ายจริงรวมกันไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน” ดีแทคให้ลูกค้าเติมเงินทุกค่าย สามารถเลือกซื้อโทรศัพท์มือถือแบรนด์ชั้นนำ พร้อมแพ็กเกจสุดคุ้ม แถมยังแบ่งจ่ายรายเดือนได้นานถึง 24 เดือน



ลูกค้าสามารถเลือกซื้อมือถือรุ่นที่ร่วมรายการได้ที่ร้านดีแทค ที่ร่วมรายการ

บัตรของธนาคารที่ร่วมรายการ ได้แก่

1. บัตรกดเงินสด KTC PROUD ของบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)

2. บัตรกดเงินสด Speedy Cash ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB)

3. บัตรยูโอบี แคชพลัส ของ ธนาคารยูโอบี (UOB)

4. บัตรกดเงินสดซิตี้ เรดดี้ ของ ธนาคารซิตี้แบงก์ (Citi Bank)

5. บัตรเงินด่วน Xpress Cash ของ ธนาคารกสิกรไทย (Kasikorn Bank)

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.dtac.co.th/s/333

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

‘รูดปรื๊ด’ ดิ้นปั๊มยอดใช้จ่าย ระดม ‘แจกพอยต์-แคชแบ็ก-ผ่อน 0%’

 


ช่วงปลายปีมักจะเป็นช่วงที่ธุรกิจบัตรเครดิตจะโหมทำแคมเปญกระตุ้นยอดใช้จ่ายผ่านบัตร (สเปนดิ้ง) กันเป็นปกติทุกปี

ทว่าปีนี้เป็นปีพิเศษที่มีการระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งกระทบต่อเศรษฐกิจ และกำลังซื้อของประชาชน ส่งผลให้ธุรกิจบัตรเครดิตได้รับผลกระทบไปด้วย

อย่างไรก็ดี หลังรัฐคลายล็อกดาวน์ สินค้าหลายอย่างมีการจัดกิจกรรมทางด้านการตลาดได้มากขึ้น ธุรกิจบัตรเครดิตก็เริ่มกลับมาคึกคัก โดยเฉพาะช่วงปลายปีที่ภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจหลายมาตรการ ซึ่งเป็นผลดีกับธุรกิจบัตรเครดิต โดยเฉพาะ “ช้อปดีมีคืน”

โดย “นายอธิศ รุจิรวัฒน์” กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล คาร์ด เซอร์วิสเซส (บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน) บอกว่า การแข่งขันในธุรกิจบัตรเครดิตจะรุนแรงขึ้นในช่วงปลายปี เพราะเป็นช่วงที่จะมีการใช้จ่ายผ่านบัตรมากที่สุด ประกอบกับมีมาตรการ “ช้อปดีมีคืน” ที่ให้ลดหย่อนภาษีสูงสุด 3 หมื่นบาท ยิ่งเพิ่มดีกรีการแข่งขันให้ดุเดือด โดยเฉพาะในหมวดค้าปลีก-ช็อปปิ้ง, ออนไลน์ และลดหย่อนภาษีประกัน-กองทุน

“บัตรเครดิตเซ็นทรัล เดอะวัน เราจะใช้จุดแข็งในเรื่องของห้างสรรพสินค้าในเครือเซ็นทรัล โดยจัดโปรโมชั่นแรง ๆ ล้อไปกับทุกแคมเปญของห้าง ตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย.ไปถึง ธ.ค.นี้ คาดว่ายอดใช้จ่ายผ่านบัตรในไตรมาส 4 จะอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท จากทั้งปียอดใช้จ่ายจะอยู่ที่ 7.5 หมื่นล้านบาท เติบโตติดลบเล็กน้อย เนื่องจากในปี 2562 เติบโตค่อนข้างสูง”

“นายนันทวัฒน์ โชติวิจิตร” กรรมการบริหาร บมจ.อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) กล่าวว่า ช่วงนี้ตลาดหันมาเล่นแคมเปญที่เน้นเจาะกลุ่มเฉพาะ และเน้นจัดโปรฯพิเศษเป็นวัน ๆ ไป เช่น เทศกาล 10.10, 11.11, 12.12 เป็นต้น

จะไม่เห็นแคมเปญใหญ่ ในลักษณะแจกบ้าน แจกรถยนต์ เหมือนในอดีต ส่วนหนึ่งมาจากความระมัดระวังการใช้จ่ายจากผลกระทบโควิด-19 และวงเงินยอดใช้จ่ายผ่านบัตรที่เล็กลง เพราะยอดใช้จ่ายขนาดใหญ่หายไป เช่น หมวดสินค้าแบรนด์เนม หมวดเดินทางต่างประเทศ

ที่มา https://www.prachachat.net/

หนี้ครัวเรือนขยับสูง ธ.กรุงเทพเล็งขยับเกณฑ์บัตรเครดิตปี 64 เน้นกลุ่มรายได้ 2.5 หมื่นบาทขึ้นไป

 


นายโชค ณ ระนอง ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงมีมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตามนโยบายของธปท.ต่อเนื่อง ทั้งนี้มีลูกค้าบัตรเครดิตที่เข้ารับมาตรการช่วยเหลือ 35,000 ราย พบว่าส่วนใหญ่กลับมาชำระคืนได้แล้วแต่มีอีก 20-25% ที่ต้องให้ความช่วยเหลือต่อ ซึ่งธนาคารมีทั้งการพักชำระหนี้และลดอัตราดอกเบี้ยบัตรเครดิตเหลือ 12% 

ทั้งนี้ภาพรวมธุรกิจบัตรเครดิตของธนาคารในปี 2563 นั้นในด้านจำนวนบัตรใหม่คาดว่าจะเพิ่ม 200,000 บัตร จากฐานบัตรรวม 2.5 ล้านบัตรน้อยกว่าเป้าหมายที่วางไว้จะเพิ่มบัตรใหม่ 280,000 บัตร ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนบัตรใหม่ที่เพิ่ม 180,000 บัตร

"การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตชะลอลงตามสถานการณ์ ปัจจุบันยอดใช้จ่ายผ่านบัตรติดลบ 11-12% นับว่าดีขึ้นมาเมื่อเทียบกับช่วงเมษายน-พฤษภาคมที่ติดลบ16-17% เพราะที่ยังหายไปเลยคือการใช้จ่ายในการท่องเที่ยวที่ยังไม่กลับมา ส่วนเอ็นพีแอลก็มีขยับบ้าง โดยเอ็นพีแอลบัตรเครดิตเพิ่มมาเป็น 2.6% จากปลายปีก่อนหน้า"

นายโชค กล่าวอีกว่า สำหรับในปี 2564 ธนาคารมีแผนที่จะปรับเกณฑ์ผู้สมัครบัตรเครดิตของธนาคาร โดยจะเน้นในกลุ่มรายได้ 25,000 - 30,000 บาทต่อเดือนมากขึ้น เพื่อควบคุมความเสี่ยงและคุมเรื่องภาระหนี้ที่เห็นว่ากลุ่มที่มีรายได้น้อยกว่า 20,000 บาทต่อเดือนเริ่มมีภาระหนี้สูงแล้ว จึงเป็นการปรับใหม่ให้สอดคล้องกับสภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้นและหันไปเน้นการใช้จ่ายของฐานบัตรเดิมแทน


ที่มา https://moneyandbanking.co.th/

"ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" ออกมาเตือนภัย หลังถูกมือดีแฮกบัตรเครดิตและนำไปรูดรัวๆ



 "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" แชร์อุทาหรณ์! ถูกมือดีแฮกบัตรเครดิตและนำไปรูดรัวๆ แถมคนทำยังลอยนวล

มีเรื่องให้ปวดหัวอีกแล้ว สำหรับนางเอกสาวหน้าคม "ปุ๊กลุก ฝนทิพย์" ที่จู่ๆ เจ้าตัวนั้นได้ถูกมือดีแฮกบัตรเครดิตและนำไปรูดรัวๆ จนสาว “ปุ๊กลุก” ต้องรีบออกมาเตือนภัยเรื่องนี้ ผ่านอินสตาแกรมส่วนตัวว่า



“วันนี้ช่วงเย็น อยู่ดีๆ Apple Watch ก็สั่นรัวๆ ว่ามีการใช้งานผ่านบัตรเครดิตส่วนตัว ยอด 899 บาท ซ้ำๆกัน ถี่มาก ตกใจมากว่าเครื่องเออเร่อหรือว่าอะไร พอเปิดขึ้นมา รวมทั้งหมด 14 ครั้ง ในหัวคิดแต่เรื่องที่โดนแฮกไอจีครั้งที่แล้ว รีบเข้า application ของบัตรเครดิตเพื่อกดระงับบัตรทันที แล้วค่อยมาประมวลว่า เราได้มีซื้อ application อะไรไหมที่ถึงเวลาตัดพอดี แม้จะงงมาก ว่ามัน app อะไรฟร๊ะ ตัดรัวขนาดนี้ 

เปิดไปที่ setting ของมือถือ ที่ดูเรื่องประวัติการซื้อก็ไม่มียอดนี้ เลยโทรไปที่ธนาคารแจ้งว่าน่าจะโดนคนแฮกข้อมูลของบัตร เพราะว่าเราซื้อของออนไลน์ตลอด 

ธนาคารไล่เช็คประวัติว่าอันไหนไม่ใช่ยอดของเราบ้าง จากนั้นแจ้งว่าจะส่งบัตรใหม่มาให้ภายใน 15 วัน สามารถเอาเงินคืนได้     แต่ไม่สามารถตามจับคนที่แฮกข้อมูลบัตรได้ จึงขอแชร์เพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้หลายๆคน 

คือธนาคารแจ้งว่า ทุกครั้งที่เราล็อคอิน รหัส และ พาสเวิร์ด อะไรก็ตามแต่ไม่ควรกดจดจำรหัสไว้ 

เพื่อป้องกันหารแฮกรหัส และควรมีระบบผูกกับมือถือเครื่องที่ถือประจำ  เพื่อที่ทุกครั้งที่มีการใช้งานบัตรเราจะรู้ว่าใช่ยอดที่มาจากเราหรือไม่ เพื่อเมื่อเกิดเหตุระงับบัตรได้ทันท่วงที  (ถ้าไม่ไม่ผูกกับมือถือแล้วแจ้งเตือนก็คงจ่ายยอดบัตรตามปกติเพราะไม่ได้เช็ค)  

พรุ่งนี้จะโทรไปถามทางธนาคารว่า เราสามารถจำกัดวงเงินการตัดบัตรได้ไหม ว่าถ้าหากเกินยอดเท่าไหร่ จะต้องมีการถาม otp ในกรณีที่บาง app หรือบางเว็บไซด์ ไม่มีการถาม otp (ซึ่งปกติจะมี) 

ใครเคยโดนบ้างมาแชร์กันนะคะ ว่ามีวิธีป้องกัน แก้ไขยังไง เผื่อบางคนเจอ จะได้ป้องกันได้ค่ะ #ส่วนคนที่ทำแบบนี้ อยากให้มีจิตสำนึก ทุกคนหาเงินมาด้วยความเหนื่อย และ ยากลำบาก อย่าทำอะไรแบบนี้เลยเนอะ ถ้าโดนจับได้ไม่คุ้มกับเงินที่เอาไปหรอกนะคะ”

‘บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม’ ชูคอนเซ็ปต์ ‘เติมเงินง่าย-ได้เงินคืน’

  บัตรเครดิตอิออน แรบบิท แพลทินัม เติมเงินง่าย-ได้เงินคืน ครั้งแรกของผู้นำ 2 ธุรกิจยักษ์ใหญ่ในเมืองไทยอย่าง บริษัท บางกอก สมาร์ทการ์ด ซิสเทม...